กิจกรรมที่ 10 กฏหมายทางเทคโนโลยีการศึกษา
(เรียนวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553 )
เนื้อหาที่ได้รับในห้องเรียน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการศึกษา
- พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2545)
- พรบ.การกระทาผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
หมวด 3 ระบบการศึกษามาตรา 15-21
การศึกษาในระบบ
-การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ไม่น้อยกว่า 12 ปี
ระดับและประเภทเป็นไปตามกฎหมายกำหนด
-การศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับต่ากว่าปริญญา
ระดับปริญญา
-การศึกษาภาคบังคับ
9ปี
ย่างปีที่ 7 ถึงย่างปีที่ 16 ยกเว้นสอบได้ปีที่ 9
การนับอายุ เป็นไปตามกฎกระทรวง
-การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ไม่น้อยกว่า 12 ปี
ระดับและประเภทเป็นไปตามกฎหมายกำหนด
-การศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับต่ากว่าปริญญา
ระดับปริญญา
-การศึกษาภาคบังคับ
9ปี
ย่างปีที่ 7 ถึงย่างปีที่ 16 ยกเว้นสอบได้ปีที่ 9
การนับอายุ เป็นไปตามกฎกระทรวง
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษามาตรา 22-30
-ผู้เรียน
ทุกคนมีความสามารถ
พัฒนาตนเองได้
พัฒนาตนเองได้มีความสาคัญที่สุด
ทุกคนมีความสามารถ
พัฒนาตนเองได้
พัฒนาตนเองได้มีความสาคัญที่สุด
หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษามาตรา 33-46
-การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐ
-การบริหารและการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
-การบริหารและการจัดการศึกษาเอกชน
หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
-ประกันคุณภาพภายใน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร รายงานต่อต้นสังกัด เผยแพร่ต่อสาธารณชน
-ประกันคุณภาพภายนอก โดยสานักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ) อย่างน้อยหนึ่งครั้งทุก
ห้าปี
หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
-หน้าที่ของรัฐ
รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทาหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และประสานการวิจัย การ
พัฒนา และการใช้ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อ
ตัวนาและโครงสร้างพื้นฐานที่จาเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา
การผลิตและพัฒนา
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
-พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544
-พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
การละเมิดลิขสิทธิ์
-ทำซ้าหรือดัดแปลง
-เผยแพร่ต่อสาธารณชน
-ให้เช่าต้นฉบับหรือสาเนางานดังกล่าว
ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
(1)วิจัยหรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(2)ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(3)ติชมวิจารณ์หรือแนะนาผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(4)เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(5)ทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจานวนที่สมควรโดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อหรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจากบุคคลอื่นโดยถูกต้องเพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบารุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย
(6)ทาซ้าดัดแปลงนาออกแสดงหรือทาให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอานาจตามกฎหมายหรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(7)นาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
(8)ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีที่จาเป็นแก่การใช้
(9)จัดทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บรักษาไว้สาหรับการอ้างอิงหรือค้นคว้าเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
“เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสาคัญของการประกอบกิจการและการดารงชีวิตของ
มนุษย์หากมีผู้กระทาด้วยประการใดๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานตามคาสั่งที่กาหนดไว้หรือทาให้
การทางานผิดพลาดไปจากคาสั่งที่กาหนดไว้ หรือใช้วิธีการใดๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทาลายข้อมูลของ
บุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบหรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็น
เท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และ
ความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกาหนดมาตรการเพื่อป้องกัน
และปราบปรามการกระทาดังกล่าว”
ข้อแนะนาสาหรับผู้ใช้บริการ
-อย่าบอก password ตนเองแก่บุคคลอื่น
-อย่านา user ID และ password ของบุคคลอื่นมาใช้งานหรือเผยแพร่
-อย่าส่ง (send) หรือส่งต่อ(forward) ภาพ ข้อความ หรือภาพเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมาย
-อย่าให้บุคคลอื่นที่ไม่รู้จักมายืมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์
-การติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สายควรจะมีระบบป้องกันมิให้บุคคลอื่นแอบใช้งานโดยมิได้รับอนุญาต
ความรู้ที่ได้รับในห้องเรียน
1 มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการใช้เทคโนโลยีการศึกษาที่ถูกต้อง
2 ได้ทราบถึงกฏเกณฑ์การใช้และบทลงโทษเมื่อผู้ใช้ได้กระทำผิด
3 มีความรู้ในการรู้ทัน การใช้ เทคโนโลยี เพื่อที่จะสามารถป้องกันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น