Powered By Blogger

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สัปดาห์ที่ 2 รูปแบบการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้

แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้

ต้นจัดเป็นประเภทของแหล่งการเรียนรู้ได้ดังนี้ 
1. แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ สวนสัตว์,สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์ 
2. แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นบุคคล ได้แก่  ปราชญ์ชาวบ้าน 
3. แหล่งเรียนรู้ที่เป็นสถานที่สถาบัน  ได้แก่  ห้องสมุดต่างๆ ,อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,หอศิลป์ ,พิพิธภัณฑ์ 
4. แหล่งเรียนรู้ที่เป็นวิธีการ ได้แก่  ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ  


         สวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นโดยนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง (Mr.Harold Mason Young) มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ผู้เข้ามาเป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่พวกทหารและตำรวจชายแดนในช่วงสงครามเกาหลี ( พ.ศ.2493-2496 ) โดยอาศัยพื้นที่บ้านที่ตนเช่าอยู่คือ บ้านเวฬุวัน เชิงดอยสุเทพซึ่งเป็นของนาย กี นิมมานเหมินท์ ( พ.ศ.2431-2508 ) และนาง กิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ( พ.ศ. 2437-2524 ) เป็นสถานที่เริ่มต้น โดยเริ่มเปิดเป็นสวนสัตว์เล็กๆ ของเอกชนขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ.2495 โดยจ้างคนพื้นเมืองและชาวเขาจำนวนไม่มากนักช่วยดูแล


กลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มผู้เรียนหลักคือ

         กลุ่มเป้าหมายประชาชนทุกเพศทุกวัย

วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้สำหรับผู้เรียน
          สวนสัตว์เชียงใหม่ได้มีการจัดทำโครงการการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆมากมายร่วมกับโรงเรียนในเครือข่าย โดยส่วนใหญ่จัดเป็นกิจกรรมพิเศษขึ้นภายในสนสัตว์
1.5 รูปแบบ / วิธีการ / เทคนิคการนำเสนอ
      สำหรับผู้ที่มาเที่ยวชมสวนสัตว์ด้วยตัวเองยังมีรูปแบบวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยมีเทคนิคการนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ http://www.chiangmaizoo.com/web25/ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมที่ประชาสัมพันธ์เอาไว้

1.6 มีวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และกลุ่มผู้เรียน
      กลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มผู้ที่มีความต้องการจะแสว่งหาการเรียนรู้ทุกเพศทุกวัย โดยทางสวนสัตว์ได้มีการนำความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่ามากมายเอาไว้ให้ศึกษาอย่างละเอียด


1.7  การเชื่อมโยงกับการศึกษา
        สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นศูนย์การศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับผู้ที่่จะแสวงหาความรู้ด้วยความต้องการของตัวเอง ซึ่งไม่จำกัดกลุ่มเป้าหมาย
2.แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล 












      ตัน ภาสกรนที สร้างความแปลกใหม่ให้กับแวดวงการตลาดอีกครั้ง เผย 9 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณจะมีแต่ ภารกิจ ไม่ใช่ ธุรกิจ! ทุ่มทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เปิดตัว บริษัทไม่ตัน จำกัด สร้างธุรกิจเพื่อนำผลกำไรส่วนตัวและของภรรยา 50% มอบเป็นการกุศลจนครบอายุ 60 และมอบกำไรส่วนตัวและของภรรยาไม่ต่ำกว่า 90% ให้การกุศลหลังจากอายุ 61 เป็นต้นไป "การดำเนินธุรกิจของ บ.ไม่ตัน ถือเป็นภารกิจ มากกว่าจะเป็นธุรกิจ เนื่องจากจุดมุ่งหมายสูงสุดของ บ.ไม่ตัน อยู่ที่ความสุขมากกว่าผลกำไร และเพื่อเป็นการตอบแทนต่อการที่ผมได้รับโอกาสมากมายในชีวิต จึงได้ก่อตั้ง มูลนิธิตันปันขึ้นเพื่อมอบโอกาสต่อไปยังคนอื่นๆ 

      งานของมูลนิธิฯ จึงมุ่งเน้นเข้าไปทำงานด้านการศึกษา เนื่องจากเป็นการมอบโอกาสพื้นฐานที่สำคัญให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลน การเข้าไปมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมก็ด้วยการต้องการทดแทนการใช้ธรรมชาติบางส่วนที่เราใช้ไป และการเข้าไปส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในประเทศก็เนื่องด้วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ผมคิดว่าหากเราทุกคนรู้จักแบ่งปันมอบโอกาสให้กันต่อไป จะเป็นการสร้างค่านิยมการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในด้านธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กับความสุขของคนในสังคม
คุณสามารถติดตามรับชมวิสัยทัศน์ เรื่องราวชีวประวัติ ของคุณ ตัน ภาสกรนที ได้เพิ่มเติมจากรายการ  The Idol ที่นำเสนอต้นแบบและบุคคลเก่งหรือผู้มีความสามารถแนวหน้าในวงการหน้าธุรกิจ นั้นๆ  มีทั้งหมด 3 ตอน ซึ่งคุณจะได้แง่คิดจากปากของเขา และเป็นประโยชน์อย่างแน่นอ


วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่รู้จัก


  • บันทึกสะท้อนคิดหัวข้อที่ 1 คือ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่รู้จัก
    โดยบันทึกมา 5 แหล่ง ในจังหวัดที่นิสิตสนใจ และวิเคราะห์ว่าจัดอยู่ในประเภทใด

    แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
              ความหมายของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่  ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
             ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มีหน้าที่ส่งเสริมงานด้านการเรียนการสอน และค้นคว้าวิจัยสำหรับคณาจารย์ นิสิต และบุคลากรคณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งมุ่งให้นิสิตรู้จักใช้ประโยชน์จากศูนย์ทรัพยากร การเรียนรู้ และศึกษาค้นคว้าวิจัยด้วยตนเองนอกเหนือจากการเรียนการสอนในห้องเรียน ดังนั้น ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในด้าน สถานที่ วัสดุสารนิเทศ วัสดุครุภัณฑ์ และบุคลากร มีงบประมาณเพียงพอ เพื่อให้ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สามารถให้บริการ และเป็นแหล่ง เพิ่มพูนความรู้ด้วยตนเอง แก่คณาจารย์ นิสิต และบุคลากรได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานของการประกอบอาชีพในอนาคตรวมทั้งเป็นแหล่งวิทยาการที่สามารถสนับสนุนการเรียนการสอนให้มี ประสิทธิภาพ 


    ตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

    ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
             
               ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรในพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดตั้งขึ้นในเขตที่ดินปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรม ตำบลช้างใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ศูนย์ศิลปาชีพนี้มุ่งฝึกอาชีพเกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมต่างๆ ให้แก่เกษตรกร อันได้แก่ การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยพืช การแกะสลัก การจักสาน การทำตุ๊กตา การทำดอกไม้ประดิษฐ์ การทำเครื่องเรือน การทอผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า การย้อมสี ช่างเชื่อม และเครื่องเคลือบดินเผา ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะส่งไปจำหน่ายที่ร้านจิตรลดาแต่ละสาขาทั่วประเทศ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. อัตราค่าผ่านประตู ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทร. (035) 366252-3, 283246-9




    พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร
              พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร นับเป็นพิพิธภัณฑ์เด็กแห่งแรกของประเทศไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดตั้งขึ้นตามพระราชปรารภของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นแหล่งที่สร้างความสนุกสนานพร้อมทั้งสาระความรู้ที่ครอบคลุมเนื้อหาถึง 8 ภาคการเรียนรู้ คือวิทยาศาสตร์ ชีวิตของเรา วัฒนธรรมและสังคม ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีใกล้ตัว สันทนาการ กิจกรรมสำหรับเด็กเล็ก และภาคเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ



    แหล่งที่มา : http://www.learners.in.th/blogs/posts/29247
    แหล่งที่มา : http://www.edu.buu.ac.th/lrc/index2.html


    แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ

                                           "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง"  จ.กาญจนบุรี
    




      ตัวอย่าง 2  แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นบุคคล สมาคม

         "ขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ "  จ.เพชรบุรี


                                                                                                     
     ตัวอย่าง 3  แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นสถานที่ สถาบัน หน่วยงาน

       "  พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์"   จ.ปทุมธานี




     ตัวอย่าง 4  แหล่งการเรียนรู้ที่เป็นกิจกรรม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และประเพณี

         "  ประเพณีวิ่งควาย"  จ.ชลบุรี

                                      

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ศูนย์การเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย

ศูนย์การเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย


หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในการดำเนินชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือแม้แต่ของเล่นของเด็กในยุคปัจจุบันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำเป็นของเล่น ก็กลายเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น และการละเล่นพื้นบ้านไทยก็ค่อยๆหายไปจากสังคมไทย เด็กในยุคปัจจุบันก็ไม่รู้จักกับของเล่นหรือการละเล่นพื้นบ้านของไทย
การละเล่นของเด็กไทยในปัจจุบัน เด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตากระดาษชุดขายของพลาสติกเลียนแบบของจริง วิดีโอเกม เด็กผู้ชายก็เล่นปืน จรวด เกมกด และเครื่องเล่นต่างๆ ซึ่งมีขายมากมาย และมีการละเล่นหลาย ชนิดที่นิยมเล่นทั้งในเด็กชายและเด็กหญิง นอกจากนั้นยังเล่นตามฐานะและเศรษฐกิจของครอบครัว ดังนั้นการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อนจึงค่อยๆ เลื่อนหายไปทีละน้อยๆ จนเกือบจะสูญหายไปหมดแล้ว เช่น กาฟักไข่ เขย่งเก็งกอย ตั้งเต ตี่ ขี่ม้าส่งเมืองขี้ตู่กลางนา เตย งูกินหาง ช่วงชัย ชักเย่อ ซ่อนหา มอญซ่อนผ้า ไอ้โม่ง รีรีข้าวสาร ฯลฯ
ดังนั้น กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเห็นถึงความสำคัญของการละเล่นพื้นบ้านไทยจึงอยากจะอนุรักษ์และรณรงค์ให้มีการละเล่นพื้นบ้านไทยเหล่านั้นเอาไว้ไม่ให้สูญหายไป เนื่องจากการละเล่นต่างๆเหล่านั้นล้วนแต่สื่อถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป และการละเล่นพื้นบ้านไทยยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย

วัตถุประสงค์
๑.      เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านในแต่ละภาคของประเทศไทย
๒.    เพื่อศึกษาวิธีการเล่นการละเล่นพื้นบ้านแต่ละชนิด
๓.     เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้ศึกษาและรู้จักการละเล่นพื้นบ้านของไทย
๔.     เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดการละเล่นพื้นบ้านไทยไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา




เป้าหมาย
ชาวต่างชาติ ประชาชน  นักเรียน  นักศึกษา และผู้ที่สนใจการละเล่นพื้นบ้านไทย

วิธีการดำเนินงาน
๑. วางแผนการดำเนินงาน
๒. ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย
๓.  แบ่งภาระหน้าที่โดยจัดตั้งคณะกรรมการบริหารงานศูนย์การเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย
๔.  ดำเนินงานตามโครงการ
๕. สรุปผลและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง 

สถานที่ดำเนินการ
                ศูนย์การเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย (หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออก และอาคาร 60 พรรษามหาราชินี 1 มหาวิทยาลัยบูรพา)

ระยะเวลาดำเนินการ
                สิงหาคม 2555

ผู้รับผิดชอบโครงการ
ว่าที่เรือตรี ดร.อุทิศ  บำรุงชีพ ที่ปรึกษาโครงการ และนิสิตสาขาเทคโนโลยีการศึกษา กลุ่ม402 ที่ลงทะเบียนรายวิชา 423312 การจัดการทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning Resources Center Management)


ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑.      เกิดแหล่งเรียนรู้ทางด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้านของไทย
๒.    เป็นแหล่งข้อมูลที่ทำให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รู้จักกับการละเล่นพื้นบ้านไทย
๓.     เป็นการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านของไทยให้คงอยู่

   บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย
    
    ประวัติความเป็นมา
                ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย ได้จัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยบูรพาและภาควิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ และเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของคนไทยเอาไว้ เนื่องจากในปัจจุบันวัฒนธรรมทางด้านการละเล่นได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทางผู้จัดตั้งจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมที่ดีงามควรแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และสืบทอดวัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้านของไทยต่อไป


    การจัดแสดง
                ห้องที่ 1 ห้องรับชมประวัติความเป็นมาของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่ให้ผู้ที่เข้าชมภายในศูนย์นั้นรับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับความเป็นมาของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้าน
                ห้องที่ 2 ห้องประวัติและความเป็นมาของการละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่จัดแสดงประวัติและความเป็นมาของการละเล่นพื้นบ้านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
                ห้องที่ 3 ห้องการละเล่นพื้นบ้านไทย โดยภายในจะมีการแบ่งการละเล่นพื้นบ้านออกเป็น 4 ภาค ได้แก่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน และภาคใต้
                ห้องที่ 4 ห้องคุณค่าของการละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่จัดแสดงให้เห็นถึงคุณค่า และประโยชน์ที่ได้รับจากการละเล่นพื้นบ้าน
  
  เวลาทำการ
                วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08:00-17:00 น.  
วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00-18:00 น.
วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08:00-18:00 น.


   ค่าบัตรเข้าชม
เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าชมฟรี
ผู้ใหญ่ ราคา 25 บาท

    การเดินทาง
    ๑.      ทางบกสามารถใช้บริการของรถประจำทางหมายเลขต่อไปนี้รถโดยสารประจำทาง ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งหมอชิต หรือเอกมัย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถจะจอดบริเวณแยกบางแสน มีรถให้บริการตามเส้นทาง   ถ.ลงหาดบางแสน จะผ่านหน้ามหาวิทยาลัย
     ๒.    รถตู้ มีให้บริการ 2 จุด คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถตู้จะจอดตรงหลัง Victory Point ติดกับภัตตาคารจีน ราคา 110 บาท ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงรังสิต รถตู้จะจอดตรงด้านหน้าเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์  
      ราคา 130บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
       
หลักการในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย

- ข้อมูลหลักการเกี่ยวข้องกับการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้นำข้อมูลจากที่เรียนมาใส่เรียบเรียง

บทที่ 3 วิธีการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย
   แผนผังการดำเนินโครงการ
             1. เขียนโครงการจัดตั้งศูนย์

 2. นำเสนอโครงการจัดตั้งศูนย์

 3. โครงการผ่านและนำเสนอข้อมูลผ่านเว็บบล็อกกลุ่ม

 4. ประเมินโครงการ
 ความหมายของสัญลักษณ์ศูนย์
สีน้ำตาล คือ ความเป็นไทย เป็นพื้นบ้าน  หมายถึง การละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ศูนย์การเรียนรู้ต้องการนำเสนอ และเผยแพร่
                สีเขียว คือ ธรรมชาติ หมายถึง อุปกรณ์หรือวัสดุที่ใช้ในการละเล่นล้วนมาจากธรรมชาติ เช่น ก้านกล้วย กะลามะพร้าว  ก้อนหิน เป็นต้น
                รูปเด็ก คือ เป็นตัวแทนของเด็ก หมายถึง การที่เราอนุรักษ์ให้เด็กๆ หันมาเล่นการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งม้าก้านกล้วยเป็นการละเล่นที่นิยมมาก และเป็นที่รู้จักดี

คำขวัญ
                ศูนย์การละเล่นพื้นบ้าน  สืบสานวัฒนธรรมไทย  ร่วมใจอนุรักษ์

ภาพตัวอาคารของศูนย์









        วิสัยทัศน์
                มุ่งการพัฒนาและปลูกฝังวิถีการละเล่นพื้นบ้านไทย ให้ทุกคนรู้ถึงคุณค่าของการละเล่นพื้นบ้านไทย
         นโยบาย
1.             การมุ่งพัฒนาการละเล่นพื้นบ้านไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
2.             การอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านไทยให้คงอยู่
3.             การปลูกฝังคุณค่าของการละเล่นพื้นบ้านไทย

แผนผังโครงสร้างหน่วยงาน





          







วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555


  • กิจกรรมสัปดาห์ที่ 9 ห้องเรียนออนไลน์ (1-2 สิงหาคม 2555)  

    1. การประสานงานมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
    - ประเภทของการประสานงานแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
    1. การประสานงานภายในองค์การและภายนอกองค์การ การประสานงานภายใน
    องค์การ หมายถึง การประสานงานภายในหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ ส่วนการ
    ประสานงานภายนอกองค์การเป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือการ
    ติดต่อกับบุ คลลภายนอกต่าง ๆ

    2. การประสานงานในแนวดิ่ง และการประสานงานในแนวราบ การประสานงาน
    ในแนวดิ่ง หมายถึง การประสานงานจากผู้บังคับบัญชามาสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา
    (Top down) และการประสานงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยัง
    ผู้บังคับบัญชา (Bottom up) ส่วนการประสานงานในแนวราบ หมายถึง การ
    ประสานงานในระดับเดียวกัน


    2. ให้นิสิตอธิบายความสำคัญของการประสานงานกับการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

    สิ่งส าคัญเบื้องต้นของการประสานงาน
    1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่ายและเหมาะสม
    2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องกัน
    3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี
    4. มีเหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ
    5. การประสานงานโดยวิธีควบคุม


    1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่าย (Simplified
    Organization)
    ในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การจัดวางหน่วยงานควร
    ค านึงถึง
    ก. การแบ่งแผนกซึ่งช่วยในการประสานงาน กล่าวคือ การจัดแผนก
    ต่าง ๆ บางแผนกมีความจ าเป็นต้องประสานกันควรอยู่ใกล้ชิดกัน
    เนื่องจากการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้ที่ท างานอัน
    เกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น
    ข. การแบ่งตามหน้าที่
    ค. การจัดวางรูปงานและระเบียบการที่ชัดแจ้งแก่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง

    2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องต้องกัน
    (Harmonized Program and Policies)

    3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี (Well – Designed
    Methods of Communication)
    เครื่องมือที่ช่วยในการติดต่อส่งข่าวคราวละเอียด ได้แก่
    ก. แบบฟอร์มในการปฏิบัติงาน (Working Papers)
    ข. รายงานเป็นหนังสือ (Written report)
    ค. เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการติดต่องาน เช่น ระบบการติดต่อภายใน
    โรงพิมพ์ เป็นต้น

    4. เหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ (Aids to
    Voluntary Coordination)
    การประสานงานส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากการร่วมมือโดย
    สมัครใจของบุคลากรในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

    5. ประสานงานโดยวิธีควบคุม (Coordination through
    Supervision)
    หัวหน้างานมีหน้าที่จะต้องคอยเฝ้าดูการด าเนินปฏิบัติงานต่าง ๆ
    เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องและจะต้องใช้วิธีประเมินผล
    การปฏิบัติงานทุกระยะจะได้ทราบข้อบกพร่องหาทางแก้ไขให้การปฏิบัติงานถูกต้องยิ่งขึ้น

    ความสำคัญของการประสานงาน
    1. การประสานงานเป็นกระบวนการในการบริหาร
    2. การประสานงานเป็นระเบียบธรรมเนียมในการ
    บริหารงาน
    3. การประสานงานเป็นหน้ าที่ของนักบริหารหรือ
    หัวหน้างาน






    3. การรายงานผลมีความสำคัญต่อการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร
    -
    งานผลการตรวจสอบผลการด าเนินงาน เป็นเอกสารส าคัญ
    ในการบริหารงานคุณภาพที่ผู้ท าหน้าที่ด าเนินการตรวจสอบต้อง
    จัดท าบันทึกและเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบรายงานผลการ
    ตรวจสอบผลการดำเนินงาน

    การรายงานผลการด าเนินงานการจัดการศูนย์ทรัพยากร
    การเรียนรู้เป็ นส่วนส าคัญในการแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบ
    ให้กับผู้บังคับบัญชา หรือสาธารณชนได้รับทราบผลการ
    ด าเนินงาน และเป็นการน าเสนอเพื่อปรับปรุงในการ
    ด าเนินงานครั้งต่อ ๆ ไป


    4. ประเภทของเงินงบประมาณในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง
    -
    การวางแผนการที่คาดว่าจะต้องจ่าย โดยการคิดล่วงหน้า
    และแสดงข้อมูลออกมาเป็นตัวเลข และอาจแสดงออกมาในรูป
    ของตัวเงิน จ านวนชั่วโมงในการท างาน จ านวนผลิตภัณฑ์
    จ านวน ชั่วโมงเครื่องจักร ค่าสึกหรอ ค่าโสหุ้ย เป็นต้น

    1. นโยบายงบประมาณสมดุล (Balanced Budget Policy) ซึ่งหมายถึงการ
    ประมาณการให้รายจ่ายประจ าปีเท่ากับประมาณการรายได้ในปีนั้นๆ
    • 2. นโยบายงบประมาณเกินดุล (Surplus Budget Policy) ซึ่งหมายถึงการ
    ประมาณการให้รายจ่ายประจ าปีต่ ากว่าประมาณการรายได้ในปีเดียวกัน แนวทาง
    นี้ต้องเรียกว่าเป็ นแนวเศรษฐกิจพอเพียง คือ การใช้จ่ายอย่างระมัดระวังไม่ เกินตั ว
    นั่นเอง
    • 3. นโยบายงบประมาณขาดดุล (Deficit Budget Policy) หมายถึงการ
    ก าหนดให้มีการจัดท างบประมาณการรายจ่ายสูงกว่างบประมาณการรายได้ในปี
    เดียวกัน ซึ่งท าให้เกิดการกู้ยืมเงิ นหรือน าเงินส ารองมาใช้จ่ายเพิ่มเติมใน
    ปีงบประมาณดังกล่าว

    1. การจั ดท างบประมาณ
    1.1 การจั ดตั้ งคณะท างานที่ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ที่
    เกี่ยวข้อง ประธานควรเป็นผู้บริ หารที่สามารถมอบหมายนโยบาย และมี
    ความรู้ด้านงบประมาณ ส่วนคณะท างาน คือ ผู้ท าหน้าที่ วางแผนงาน
    การตลาดเพื่อประเมินรายรับ ผู้รับผิดชอบโครงการและฝ่ายจัดซื้อจัด
    เพื่อท าหน้ าที่ประมาณการรายจ่าย ผู้แทนส่วนกลางที่รับผิ ดชอบ
    ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการผู้แทนจากฝ่ายบัญชีและการเงินที่จะ
    ช่วยตรวจสอบรายละเอียดงบการเงินและงบกระแส เงินสด
    1.2 ก าหนดระยะเวลา ที่ต้องใช้ในการจัดเตรียมรายละเอียด
    งบประมาณ ของหน่วยต่างๆที่ เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อปฏิบั ติร่ วมกันให้
    แล้วเสร็จก่อนปี งบประมาณ
    1.3 ตรวจสอบรายละเอียดของแบบร่างงบประมาณรายรับ รายจ่าย
    ก่อนน าเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หรือที่ประชุมของ
    คณะกรรมการบริษัทใช้พิจารณาต่อไป


    5. เงินอุดหนุนโดยอนุโลมมีอะไรบ้าง จงอธิบาย


    เงินอุดหนุนโดยอนุโลม
    1. ค่าฌาปนกิจ
    2. ค่าสินบน
    3. ค่ารางวัลน าจับ
    4. เงินอื่น ๆ ที่ ส านักงบประมาณจ า ก าหนดเพิ่มเติม

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 4




กิจกรรมที่ 4

1. ระบบการบริหารงานบุคคลมีอะไรบ้าง
- แบ่งเป็น 2 ระบบคือ
1. ระบบคุณธรรม Merit System ใช้หลักเกณฑ์
1.1 หลักความเสมอภาค เช่น มีสิทธิสอบได้ทุก
1.2 หลักความสามารถ เช่น คัดเลือกผู้มีความสามารถสูงไว้ก่อน
1.3 หลักความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ผิดวินัย ก็ไม่ถูกลงโทษให้ออก อยู่จนเกษียณ
1.4 หลักความเป็นกลางทางการเมือง เช้า ห้ามข้าราชการเป็นกรรมการบริษัท
2. ระบบอุปถัมภ์ Patronage System ยึดถือพวกพ้อง เครือญาติ หรือผู้มีอุปการะคุณ
2. การจำแนกตำแหน่งมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
- มี 3 ประเภทคือ
1.จำแนกตำแหน่งตามลักษณะตำแหน่ง Position Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งโดยถือลักษณะความรับผิดชอบของตำแหน่งเป็นสำคัญ เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน นิติกร วิศวกร เป็นต้น
2.การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะยศ Rank Classification เป็นการจำแนกตาแหน่งตามตำแหน่งที่ประกอบกับชั้นยศ ใช้กับทหาร ตำรวจ
3. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะชั้นยศทางวิชาการ Academic Rank Classification จำแนกตามคุณลักษณะความเชี่ยวชาญ วิชาการ เช่น ครู อาจารย์
3. ขั้นตอนของการวางแผนกำลังคนมีอะไรบ้าง
- ศึกษานโยบายและแผนขององค์การ กระบวนการวางแผนกาลังคนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนขององค์การ และคาดคะเนปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายและแผนขององค์การ เช่น แนวโน้มของธุรกิจนั้น ๆ ในอนาคต, การขยายตัวและการเจริญเติบโตขององค์การ (และคู่แข่ง), การเปลี่ยนแปลงรูปแบบและโครงสร้างองค์การ, การเปลี่ยนแปลงในแนวคิดปรัชญาการบริหารในอนาคต, บทบาทของรัฐบาล, บทบาทสหภาพแรงงาน, การแข่งขันของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ
- การตรวจสภาพกาลังคน ; ค้นหาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับสภาพกาลังคนที่มีอยู่ในองค์การ เช่น จานวนตำแหน่ง อัตรากาลังคน ความสามารถของพนักงานที่มีอยู่ การตรวจสภาพกาลังคนอาจจะทาได้ดังต่อไปนี้
1.การวิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง องค์การมีตำแหน่งอะไรบ้าง มีคุณสมบัติแต่ละตำแหน่งอย่างไรบ้าง
2.การทาบัญชีรายการทักษะ ตรวจสภาพพนักงานแต่ละคนมีความสามารถ ชำนาญถนัดในด้านใดบ้าง
3.คาดการความสูญเสียกาลังคนในอนาคต ใครจะลาออกในอนาคต ใครเกษียณอายุปีหน้าบ้าง
4.ศึกษาความเคลื่อนไหวภายในเกี่ยวกับ การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง โยกย้าย ให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา
4. การวางแผนกำลังคนที่ดีมีอะไรบ้าง
1. ภาระงาน Workload หน้าที่ความรับผิดชอบชั่วโมงงาน
2. การออกแบบงาน Job Design เป็นการออกแบบโครงสร้างงานต่างๆ ทั้งองค์การว่ามีกลุ่มงานอะไรบ้าง
3. การวิเคราะห์งาน Job Analysis วิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง กำหนดคุณลักษณะที่จาเป็นแต่ละตำแหน่ง เช่น ความสำคัญของงาน ระดับความเป็นอิสระ ตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ของงาน ความรู้ความสามารถและทักษะที่จาเป็น เพื่อกำหนดรายละเอียดของตำแหน่ง Job Description และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification
4. รายละเอียดของตำแหน่งงาน Job Description เป็นการกำหนดชื่อตำแหน่งงานที่ต้องปฏิบัติ
5. คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification เป็นการกำหนดรายละเอียดในตำแหน่งลึกลงไปอีก
6. การทาให้งานมีความหมาย Job Enrichment เป็นวิธีการจูงใจและพัฒนาบุคลากรให้เกิดความพึงพอใจในการทางาน (จิ๋วแต่แจ๋ว, เล็กดีรสโต) (Job Enlargement) เล็ก ๆ มิต้าไม่ ใหญ่ ๆ มิต้าทา
5. องค์ประกอบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
1.งานของผู้อานวยการ มีกิจกรรมดังนี้
1.1 ด้านการวางแผน ; มีส่วนในการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดลักษณะงาน ช่วยตีความนโยบายขององค์การให้บุคลากรทราบ พัฒนาสิ่งใหม่ ปรับปรุงระบบและวิธีปฏิบัติให้ดีขึ้น
1.2 ด้านการจัดองค์การ ; มอบหมายงาน แบ่งงาน กำหนดมาตรฐานงาน กำหนดสายบังคับบัญชาและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดูแลการปฏิบัติงาน
1.3 ด้านการปฏิบัติการของผู้อำนวยการ ; กำหนดการเปลี่ยนแปลงบุคคล ประเมินผลการปฏิบัติแต่ละคน ฝึกบุคคลไว้ทดแทน ดูแลความสัมพันธ์และขวัญแก่บุคลากร ศึกษาความจาเป็นและต้องการของบุคคลากร
1.4 ด้านการควบคุม ; ติดตามวิธีการและขบวนการปฏิบัติ กำหนดมาตรฐานสาหรับงานแต่ละอย่าง วัดผลผลิต ตรวจสอบความถูกต้องและปริมาณงาน
6. ประเภทของการอำนวยการมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
โดยวาจา
โดยลายลักษณ์อักษร ได้แก่
1. ทาบันทึกข้อความ
2. หนังสือเวียน
3. คาสั่ง
4. ประกาศ
7. รูปแบบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง
1.คำสั่งแบบบังคับ
2.คำสั่งแบบขอร้อง
3.คำสั่งแบบแนะนาหรือโดยปริยาย
4.คำสั่งแบบขอความสมัครใจ
8. การอำนวยการที่ดีมีอะไรบ้าง
ต้องชัดเจน
ให้คำสั่งมีลักษณะแน่นอน ไม่ใช่ตามอารมณ์
ถ้าผู้รับคำสั่งมีท่าทีสงสัย ให้ขจัดความสงสัยทันที
ใช้นาเสียงให้เป็นประโยชน์
วางสีหน้าเข้มแข็งเอาจริงเอาจัง
ใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพ
ลดคำสั่งที่มีลักษณะ ห้ามการกระทาให้เหลือน้อยที่สุด
อย่าออกคำสั่งในเวลาเดียวกัน มากเกินไป
ต้องแน่ใจว่าการออกคำสั่งหลาย ๆ คำสั่ง ไม่ได้ขัดแย้งกันเอง
ถ้าผู้รับปฏิบัติ ปฏิบัติไม่ได้ อย่าบันดาลโทสะ พิจารณาตนเองว่าเหตุใดคำสั่งไม่ได้ผล อย่าโยนความผิดให้ผู้รับคำสั่ง
9. ให้นิสิตอธิบายความเชื่อมโยงการบริหารงานบุคคลกับการอำนวยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศุนย์ทรัพยากรการเรียนอย่างไร
- การอำนวยการในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ต้องพิจารณาถึงปัญหาและความก้าวหน้าของหน่วยงานโดยมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรเป็นหลักในการตัดสินใจ ดังนั้นการอำนวยการจึงต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ในการอำนวยการ
- ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่  ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
               ทรัพยากรการเรียนรู้  (Learning Resources)ทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง  ทรัพยากรทุกชนิด ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้แบบเชิงเดี่ยว หรือแบบผสม แบบไม่เป็นทางการ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่ข้อสนเทศ/ข่าวสาร บุคคล วัสดุ เครื่องมือ เทคนิค และอาคารสถานที่    หรืออาจกล่าว โดยสรุปได้ว่า ทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยผู้เรียนเกิดการเรียนรู้